น้ำมันเครื่อง คือ สารหล่อลื่นที่อยู่ในเครื่องยนต์ของรถเรา ช่วยปกป้องทุกชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ โดยทำหน้าที่เปรียบเสมือนฟิล์มที่ป้องกันการเสียดสีและลดการสึกหรอ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ สำหรับรถยนต์ใหม่ที่ผ่านการใช้งานมายังไม่มากนักอาจไม่มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับน้ำมันเครื่อง เพราะเครื่องยังน่าจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดีอยู่
แต่เมื่อรถผ่านการใช้งานไปมากขึ้น ก็อาจจะจำเป็นต้องดูแลเอาใจใส่มากขึ้น และโดยมากปัญหาที่รถยนต์เก่าอายุเกือบ 10 ปี หรือเกิน 10 ปีขึ้นไปต้องเจอก็คือ ปัญหาน้ำมันเครื่องพร่อง น้ำมันเครื่องหาย ไปทั้งที่ไม่ค่อยใช้รถ และไม่มีจุดไหนรั่วซึม
ภาพถ่ายโดย Joshua Köller จาก Pexels
สาเหตุหลักที่น้ำมันเครื่องหายไปนอกจากมาจากตัวเครื่องยนต์ที่หลวมตามอายุการใช้งานแล้ว การเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดน้อยเกินไปกับรถยนต์เก่าที่มีอายุมากก็มีส่วนที่ทำให้น้ำมันเครื่องหายไปได้เช่นกัน ดังนั้น เบอร์น้ำมันเครื่อง และการเลือกใช้น้ำมันเครื่องให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
วิธีดูเบอร์น้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่องที่มีขายตามท้องตลาดบ้านเรามีอยู่หลายเบอร์ด้วยกัน เช่น 0W-20, 5W-30, 10W-40 ซึ่งแต่ละตัวเลขก็มีความหมายที่แตกต่างกันออกไป ตัวเลขที่อยู่ข้างหน้า W หมายความถึงค่าการทนความเย็นของน้ำมันเครื่อง ส่วนตัวเลขที่อยู่ด้านหลังของ W หมายความถึงค่าความหนืดของน้ำมันเครื่องในสภาพที่อากาศร้อน ถ้าตัวเลขยิ่งมากความหนืดก็จะมากตามไปด้วย
รถยนต์เก่าควรใช้น้ำมันเครื่องแบบไหน?
การเลือกน้ำมันเครื่องจากตัวเลขค่าความหนืดนั้นอาจไม่ตายตัว เพราะรถเก่าบางคันมีอายุการใช้งาน รวมถึงการสึกหรอของเครื่องยนต์ที่แตกต่างกัน แต่ที่เหมือนกันแน่ ๆ คือ ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีค่าความหนืดสูงไว้ก่อน เช่น 15W-30,15W-40, 20W-40, 20W-50 เพื่อช่วยลดปัญหาการกินน้ำมันเครื่องในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานอีกด้วย
ทั้งนี้ นอกจากการเลือกน้ำมันเครื่องให้เหมาะกับอายุการใช้งานของรถแล้ว ก็อย่าลืมหมั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนดด้วย เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ให้ได้นานขึ้นอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก car.kapook.com
ขอบคุณภาพสวยๆจาก Jahoo Clouseau จาก Pexels
12 มิถุนายน 2563
ผู้ชม 38031 ครั้ง