น้ำมันเบรค สิ่งที่นักขับห้ามมองข้าม
ระบบเบรคที่ดี ต้องให้ความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่ ซึ่งมีส่วนประกอบหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น จานเบรค แม่ปั๊มเบรค คาลิปเปอร์เบรค ผ้าเบรค แต่ในวันนี้เราจะพูดถึงของเหลวที่ทำงานอยู่ในระบบเบรค นั่นก็คือ น้ำมันเบรค (Brake Fluid) ว่าคืออะไร ทำหน้าที่ไหน น้ำมันเบรคแต่ละ DOT แตกต่างกันอย่างไร รวามถึงวิธีดูแลน้ำมันเบรคอย่างไร ควรเปลี่ยนน้ำมันเบรคเมื่อไหร่ ไปหาคำตอบกันดีกว่าค่ะ
น้ำมันเบรคคืออะไร ?
ของเหลวที่เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดกำลังจากแรงของมนุษย์ไปสู่ระบบเบรค เมื่อเราเหยียบเบรคที่แป้นเบรค แรงดันที่เหยียบจะถูกถ่ายทอดผ่านของเหลว (น้ำมันเบรค) ในระบบไปยังห้ามล้อ ให้ความเร็วของรถช้าลงหรือหยุดตามแรงกดที่ต้องการ
น้ำมันเบรค มีประโยชน์อย่างไร ?
เป็นตัวหล่อลื่นส่วนต่าง ๆ ในระบบเบรค เนื่องจากต้องมีการเสียดสีของลูกสูบ ลูกยาง ภายในแม่ปั๊มเบรค ลูกปั๊มเบรค นับครั้งไม่ถ้วน ถ้าปราศจากการหล่อลื่นก็จะท้าให้เกิดการสึกหรอเกิดการรั่ว ที่เรารู้จักกันในคำว่า "เบรคแตก"
จะเลือกน้ำมันเบรคอย่างไร ?
ต้องเลือกใช้น้ำมันเบรคตามคู่มือรถที่แนะนำ หากใช้น้ำมันเบรค DOT ไหน ก็ให้ใช้เหมือนเดิม เพราะน้ำมันเบรคแต่ละชนิดและแต่ละ DOT ห้ามผสมหรือเจือปนเด็ดขาด เพราะจะส่งผลต่อการลดอายุการใช้งานของระบบเบรคได้ ทางที่ดีหากอยากเปลี่ยนเป็นยี่ห้อใหม่หรือเปลี่ยน DOT ก็ควรถ่ายน้ำมันเบรคของเดิมออกให้หมดก่อน
น้ำมันเบรคแต่ละ DOT แตกต่างกันอย่างไร ?
จะเห็นว่าน้ำมันเบรคจะขึ้นต้นด้วย DOT แล้วตามด้วยตัวเลข หลายคนอาจจะสงสัยว่าแต่ละ DOT แตกต่างกันอย่างไร ซึ่งน้ำมันเบรคมีการกำหนดค่ามาตรฐานสำหรับน้ำมันเบรคว่า DOT (Department of Transportation) หรืออธิบายง่าย ๆ ว่าค่าจุดเดือดน้ำมัน
- น้ำมันเบรค DOT 2 จุดเดือดแห้ง 190 องศาเซลเซียส จุดเดือดเปียก 140 องศาเซลเซียส
- น้ำมันเบรค DOT 3 จุดเดือดแห้ง 205 องศาเซลเซียส จุดเดือดเปียก 140 องศาเซลเซียส
- น้ำมันเบรค DOT 4 จุดเดือดแห้ง 230 องศาเซลเซียส จุดเดือดเปียก 155 องศาเซลเซียส
- น้ำมันเบรค DOT 5 จุดเดือดแห้ง 260 องศาเซลเซียส จุดเดือดเปียก 180 องศาเซลเซียส (ส่วนผสมหลักจาก Silicone)
- น้ำมันเบรค DOT 5.1 จุดเดือดไม่ต่ำกว่า 260 องศาเซลเซียส จุดเดือดเปียก 180 องศาเซลเซียส (ส่วนผสมหลักจาก Glycol Ether/Borate Ester)
“จุดเดือดแห้ง" : น้ำมันเบรคแบบใหม่แกะกล่องที่ยังไม่ผ่านการใช้งาน
“จุดเดือดเปียก" : น้ำมันที่เบรคที่ผ่านการใช้งานแล้วมาประมาณ 1 ปี หรือมีน้ำปนอยู่ 3.7%
สิ่งที่ควรจะรู้
1.น้ำมันเบรค DOT 5 ที่มี Selicone Based oil มีคุณสมบัติที่ไม่ดูดความชื้นและแยกตัวออกจากน้ำแตกต่างจากน้ำมันเบรค DOT3, DOT4 ที่มี Glycol based oil ที่ดูดความชื้นง่ายและรวมตัวกับน้ำได้ จึงไม่สามารถผสมปนกันได้
2.น้ำมันเบรค DOT 5 ไม่สามารถใช้ได้กับระบบเบรค ABS
3.น้ำมันเบรค DOT 5.1 ที่มีส่วนผสมของ Glycol Ether/Borate Ester สำหรับรถรุ่นใหม่ที่มีระบบเบรค ABS
4.รถยนต์โดยส่วนมากมักจะใช้น้ำมันเบรค DOT 3 หรือ น้ำมันเบรค DOT 4 มากกว่า โดยน้ำมันเบรค DOT3 ส่วนใหญ่จะประกอบด้วย Polyalkylene Glycol Ether กับ Glycols based oil ส่วน DOT 4 จะผสม Borate Esters เพิ่มเข้าไปด้วย ซึ่งส่งผลให้มีจุดเดือดที่สูงกว่า และ DOT 4 ของผู้ผลิตหลายรายมีจุดเดือดสูงกว่า DOT 5.1
ดูแลน้ำมันเบรคอย่างไร ควรเปลี่ยนน้ำมันเบรคเมื่อไหร่ ?
เราสามารถตรวจปริมาณน้ำมันเบรคได้จากในกระปุกน้ำมันเบรคที่ห้องเครื่อง (ดูได้จากคู่มือประจำรถ) ควรมีปริมาณที่ Max อยู่ตลอดเวลา หากมีการพร่องของน้ำมันควรรีบตรวจระบบเบรค
ส่วนการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรค รถบ้านไม่ได้บรรทุกหนักใช้งานทั่ว ๆ ไป 2 ปีก็ควรเปลี่ยนสักครั้ง แต่หากเป็นรถที่ใช้บรรทุกของหนัก ออกต่างจังหวัด ขึ้นลงเขาประจำก็ควรเปลี่ยนปีละครั้งหรือตามพฤติกรรมการใช้งาน
วิธีการตรวจว่ารั่วหรือไม่ ?
1.ติดเครื่องเหยียบเบรคแบบย้ำ หรือ เหยียบๆปล่อยๆ ระบบจะทำให้แป้นเบรคสูงขึ้น
2.พอแป้นเบรคสูงขึ้น ให้เหยียบแป้นเบรคไว้ ถ้าแป้นเบรคมีการเคลื่อนตัวลงไปได้เรื่อยๆ แสดงว่าเบรครัว แต่ถ้าปกติแป้นเบรคจะไม่ยุบเลย (ต้องติดเครื่องด้วย ไม่อย่างนั้นแป้นเบรคจะแข็งเร็ว เนื่องจากลมในหม้อพักหมด)
** ไม่ควรใช้น้ำมันเบรคที่เปิดฝาไว้แล้วเกินกว่า 1 ปี เนื่องจากน้ำมันเบรคเป็นสารดูดความชื้น น้ำมันเบรคอาจเสื่อมสภาพเนื่องจากจุดเดือดลดลง ส่งผลให้น้ำมันเบรคเดือดได้ง่ายเมื่อใช้งานเบรคอันจะมีผลต่อประสิทธิภาพการเบรค**
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก คุณณัฐพล เดชสิงห์ จากเว็บไซต์ GRANDPRIX ONLINE และ เว็บไซต์ car.kapook.com
26 ตุลาคม 2562
ผู้ชม 18110 ครั้ง