15 สิ่งต้องเช็ค เมื่อรถวิ่งครบ 1 แสนกิโลเมตร

 

 

15 สิ่งต้องเช็ค เมื่อรถวิ่งครบ 1 แสนกิโลเมตร

 

รถยนต์ส่วนใหญ่จะมีการรับประกันอยู่ที่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร เมื่อหมดประกันจากศูนย์ เจ้าของรถยนต์อย่างเราก็ต้องดูแลรักษากันเอาเอง วันนี้ทาง P.SPP Ranong จึงนำเคล็ดลับ “15 สิ่งต้องเช็ค เมื่อรถวิ่งครบ 100,000 กิโลเมตร” มาฝากกันค่ะ เพื่อเพื่อความปลอดภัยกับตัวผู้ขับขี่และจะได้ยืดอายุการใช้งานรถให้ยาวนานมากขึ้น

 

1.ยาง

     ยางถือเป็นส่วนสำคัญลำดับต้นๆของการขับขี่เลยก็ว่าได้ ปกติยางหากไม่มีเสียงดังหรือไม่มีรอยรั่วมา จะสามารถใช้งานได้ราว 50,000 กิโลเมตร หรือบางครั้งอาจจะมากกว่านั้น แต่ถ้ารถวิ่งมาแล้ว 70,000 – 100,000 กิโลเมตรก็ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนยางได้เเล้วค่ะ

 

2.ไฟส่องสว่าง

     ควรเช็คไฟส่องสว่างรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า, ไฟท้าย และ ไฟในรถ  หากพบว่ามีหลอดใดหลอดหนึ่งขาดควรรีบเปลี่ยนทันที แต่หากเป็นไฟแบบ LED อาจต้องซื้อทั้งชุดมาเปลี่ยนแทน

 

3.ระบบเบรก

     ระบบเบรกประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆที่ต้องตรวจเช็ค ได้แก่ ผ้าเบรก, น้ำมันเบรก และจานเบรก ซึ่งล้วนแต่ส่งผลเรื่องความปลอดภัย หากเหยียบเบรกแล้วมีเสียงเอี๊ยด นั่นก็แปลว่าถึงเวลาจะต้องเปลี่ยนผ้าเบรกได้แล้ว อย่าปล่อยให้ลามไปกินเนื้อจานเบรก เพราะราคาจานเบรกแพงกว่าผ้าเบรกหลายเท่าตัว

 

4.ไส้กรองแอร์

     ปกติไส้กรองแอร์ไส้กรองแอร์มีอายุการใช้งานประมาณ 20,000 กิโลเมตร และทำการตรวจเช็คทุก 10,000 กิโลเมตร ดังนั้น เมื่อครบระยะ 100,000 กิโลเมตร ควรเปลี่ยนอีกครั้ง เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของคนที่ต้องใช้รถทุกวัน

 

 

5.ไส้กรองอากาศ

     ไส้กรองอากาศ ทำหน้าที่ดักฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าไปในเครื่องยนต์ เมื่ออายุการใช้งานระยะยาว อาจทำให้เกิดอาการอุดตัน  ทำให้อากาศดีเข้าไปในห้องโดยสารได้น้อยลง  และยังทำให้การเผาไหม้เครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์อีกด้วย  ปกติควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศทุก 20,000 กิโลเมตร หรือบ่อยกว่านั้นหากขับขี่รถในบริเวณที่มีฝุ่นมากเป็นประจำ

 

6.ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง

     ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งเบนซินและดีเซล มีหน้าที่ดักจับสิ่งสกปรกที่มากับน้ำมัน รวมถึงน้ำที่เจือปนอยู่ โดยปกติจะเปลี่ยนทุก 2 ปีหรือ 40,000 กิโลเมตร

 

7.น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์

     รถบางคันยังต้องใช้น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ ซึ่งควรเปลี่ยนเมื่อน้ำมันเสื่อมสภาพ ซึ่งอาจเปลี่ยนที่ระยะ 80,000 หรือ 1 แสนกิโลเมตรแล้วแต่รุ่นรถ

 

 

8.น้ำมันเครื่อง

     ปกติเราเปลี่ยนน้ำมันเครื่องกันทุกๆ 10,000 กิโลเมตรอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อรถพ้นระยะรับประกัน ก็ยังคงต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นประจำอยู่ดี แต่อาจลองเข้าอู่นอกดูบ้าง จะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงจากเดิมได้ 

 

9.แบตเตอรี่

     แบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปี หรือน้อยกว่านั้น ดังนั้น เมื่อพ้นระยะรับประกันก็ควรเช็คสภาพแบตเตอรี่ได้แล้ว


10.หัวเทียน

     หัวเทียนควรเปลี่ยนทุกระยะประมาณ 40,000 กิโลเมตร แล้วแต่ชนิดของหัวเทียน หากพบว่าเร่งแล้วมีอาการเครื่องสะดุด เดินไม่เรียบ อาจมีอาการมาจากหัวเทียนก็ได้

   

11.ลิ้นปีกผีเสื้อ

     ลิ้นปีกผีเสื้อควรทำการล้างทุกๆ 100,000 กิโลเมตร เนื่องจากสิ่งสกปรกที่อุดตันอาจทำให้รอบเครื่องไม่นิ่ง เร่งสูงบ้างต่ำบ้าง

 

12.สีตัวถัง

     รถที่ไม่เคยถูกชนหนักมา จะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องของสนิม แต่สีอาจไม่สดเหมือนสมัยป้ายแดง หากมีเวลาก็ลองเอารถไปขัดเคลือบสีดูบ้าง จะทำให้รถดูใหม่น่าใช้มากขึ้น

 

13.สายพาน

     สายพานต่างๆ เช่น สายพานไทม์มิ่ง สายพานหน้าเครื่อง จะมีระยะเวลาการเปลี่ยนอยู่แล้ว หากพ้น 100,000 กิโลเมตรเป็นต้นไป และยังไม่เคยทำการเปลี่ยน ก็ลองเช็คให้ดีว่าสายพานยังคงตึง ไม่ขาด หากพบว่าสึกหรอก็ควรรีบเปลี่ยนทันที

 

14.ยางแท่นเครื่อง

     ยางแท่นเครื่องเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม แต่เป็นสิ่งสำคัญที่เชื่อมต่อเครื่องยนต์และตัวถังรถเข้าไว้ด้วยกัน ยางแท่นเครื่องที่เสื่อมสภาพจะทำให้รถสั่นขณะเร่งเครื่อง มีเสียงรบกวนเข้ามามากกว่าปกติ ตัวถังสั่น หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ก็ควรเปลี่ยนได้แล้ว

 

15.ยางขอบประตู

     รถที่ใช้ไปนานๆ ยางขอบประตูจะมีการเสื่อมสภาพจนทำให้มีเสียงเล็ดลอดจากภายนอกเข้ามาได้ หากทนไม่ไหวจริงๆให้จับเปลี่ยนยางขอบประตูเหล่านี้ จะช่วยลดเสียงรบกวนลงได้

 

ข้อมูลข้างต้นนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอุปกรณ์อีกหลายอย่างที่ต้องบำรุงรักษา หากรถที่ใช้งานอยู่เกิดความผิดปกติ ควรนำไปที่รถของเราเข้าไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ศูนย์ซ่อมหรืออู่ซ่อมรถ เพื่อแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด และ ทำให้รถที่เรารักมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น 

 

 

 ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก คุณ Ekachai S และ เว็บไซต์ sanook.com

26 ตุลาคม 2562

ผู้ชม 52145 ครั้ง

Engine by shopup.com